จากนิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าที่เราเคยได้ยินกันสมัยเด็กๆนั้นความจริงแล้วเรื่องราวไม่ได้จบลงแค่นั้น หากแต่ความเป็นจริงแล้วยังมีเรื่องราวต่อมาอีกมากมายที่ทำให้มีตอนจบแตกต่างกันออกไป ผู้ที่ฟังก็ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตและการทำงานจากนิทานในตอนต่างๆเหล่านี้ วันนี้เรามาเรียนรู้แนวคิดจากนิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าอีกครั้ง ฉบับต่อเนื่องที่มีชาวต่างชาติได้นำมาพัฒนาต่อยอดความคิดไว้
นิทานกระต่ายกับเต่าภาค1
มีกระต่ายป่าที่วิ่งเร็วที่สุดตัวหนึ่งคุยโวไปทั่วป่าว่าตนวิ่งเร็วที่สุดไม่มีใครเอาชนะได้ เมื่อเต่าได้ยินจึงขอท้าแข่งวิ่งกับกระต่าย เจ้ากระต่ายรู้ว่าเต่ามาขอท้าก็หัวเราะเยาะ เพราะสัตว์อย่างเต่าที่ใครๆก็รู้ดีว่า คลานช้า มาสายตลอดเนี่ยนะจะมาวิ่งแข่งกับกระต่ายที่แค่เดินยังเร็วกว่าเต่าวิ่งเลย เจ้ากระต่ายรับคำท้า จึงมีการจัดการแข่งขันกันขึ้น สัตว์ทุกตัวในป่าต่างมาดูการแข่งขัน เมื่อการแข่งขันเริ่มขึ้น กระต่ายวิ่งออกจากจุดเริ่มต้นมาบนถนนได้สักระยะ จึงหยุดพักผ่อนใต้ต้นไม้ แล้วหันไปมองเต่าที่กำลังคลานอยู่ แล้วพูดว่า “เจ้าเต่าจะมาหวังชนะในการแข่งขันนี้ไปทำไม ขนาดวิ่งของมันยังไม่เท่าเราเดินช้าๆเลย” ว่าแล้วกระต่ายจึงนอนพักใต้ต้นไม้ พร้อมกับคิดในใจว่ายังมีเวลาเหลืออีกเยอะงีบหลับยังทันเลย ในขณะที่เต่าก็เดินต่อไปเรื่อยๆ ไม่หยุด ไม่ยอมแพ้ ก้มหน้าก้มตาเดินจนในที่สุดก็ถึงเส้นชัย เสียงสัตว์ต่างๆเชียร์เต่ากันเสียงดัง ทำให้กระต่ายที่หลับอยู่สะดุ้งตื่นขึ้นมา และเริ่มจะวิ่งอีกครั้ง แต่ก็สายไปเสียแล้วเพราะเต่าได้ถึงเส้นชัยและเป็นผู้ชนะไปแล้ว
ข้อคิดที่น่าสนใจ: นิทานตอนนี้สอนให้รู้ว่าช้าๆแต่คงที่จะทำให้ชนะการแข่งขันได้ ก็เปรียบเสมือนการทำงานที่ช้าแต่มีความมั่นคง ไม่ยอมแพ้ก็จะทำให้งานนั้นสำเร็จได้ในที่สุด
นิทานกระต่ายกับเต่าภาค 2
หลังจากเหตุการณ์การแข่งขันที่จบไปตอนนั้นทำให้กระต่ายได้เรียนรู้จากความผิดพลาดว่า ตัวเองประมาทเกินไป ถึงแม้ว่าจะวิ่งเร็วแค่ไหนแต่ถ้าการวิ่งของตัวเองไม่มีความคงที่ก็ทำให้แพ้เต่าได้ เมื่อกระต่ายสำรวจตัวเองแล้ว รู้ปัญหาแล้ว จึงตัดสินใจเชิญเต่ามาแข่งขันแก้มือกันอีกรอบ โดยที่ครั้งนี้กระต่ายระมัดระวังขึ้น และแน่นอนว่าเจ้ากระต่ายป่าตัวนี้ย่อมเป็นผู้ชนะในการแข่งขัน
ข้อคิดที่น่าสนใจ:ในตอนนี้ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า ความเร็วและคงที่นั้นดีกว่าช้าแต่คงที่ เพราะการทำงานทุกอย่างก็จะต้องเน้นความว่องไวและมีความคงที่จะทำให้งานนั้นเสร็จเร็วและถูกต้อง
นิทานกระต่ายกับเต่าภาค 3
เมื่อเต่าพ่ายแพ้ให้กับกระต่ายในการแข่งขันครั้งที่สอง เต่าได้มาคิดทบทวนและตัวเต่าเองรู้ดีแต่แรกเริ่มแล้วว่า ธรรมชาติของกระต่ายถ้าวิ่งด้วยความเร็วคงที่บนภูมิประเทศแบบนี้ก็ต้องชนะอยู่แล้ว เจ้าเต่าจึงมีความคิดว่าแล้วถ้าหากภูมิประเทศเปลี่ยนไปล่ะ จะเป็นอย่างไร ว่าแล้วเต่าจึงขอท้ากระต่ายอีกครั้ง และครั้งนี้เมื่อกระต่ายได้ยินก็หัวเราะดังลั่นที่เต่ามาขอท้าแข่งวิ่ง ขณะที่เต่าพูดว่า แต่ครั้งนี้เราจะเปลี่ยนสถานที่การแข่งขันกัน โดยเต่าจะเป็นคนเลือกสถานที่และภูมิประเทศแข่งขันแห่งใหม่ เจ้ากระต่ายได้ยินก็เห็นด้วยกับไอเดียนี้ จึงตกลงแข่งวิ่งกันอีกครั้ง เมื่อการแข่งขันเริ่มขึ้น กระต่ายวิ่งนำเต่าเป็นตัวแรกในช่วงเริ่มต้น และเมื่อถึงทางลงเนินเขา เต่าก็ใช้วิธีกลิ้งลงเนินเขามาพบกับกระต่ายที่ริมแม่น้ำ กระต่ายหยุดวิ่งแล้วกำลังคิดว่าจะข้ามแม่น้ำไปได้อย่างไร ในขณะที่เต่าก็ว่ายลงน้ำข้ามแม่น้ำไปอย่างช้าๆ และปีนขึ้นฝั่งแม้น้ำตรงข้าม จากนั้นวิ่งไปอีกไม่กี่กิโลเมตรก็ถึงเส้นชัยเป็นผู้ชนะในที่สุด
ข้อคิดที่น่าสนใจ: สำหรับนิทานตอนสุดท้ายในภาคนี้ก็สอนให้เรารู้ว่า เมื่อเราไม่ได้มีความสามารถบางอย่างมากนัก แต่มันก็ยังมีอีกหลายวิธีที่จะทำให้เราชนะด้วยธรรมชาติของตัวเรา เพราะคนเรามีความสามารถพิเศษที่แตกต่างกัน ถ้ารู้จักนำมาใช้ให้เป็นและถูกทางก็จะทำให้เราไปสู่ความสำเร็จได้