มีนิทานเรื่องหนึ่งเล่าว่า นานมาแล้ว มีเมืองอยู่เมืองหนึ่งที่ผู้คนอยู่กันอย่างมีความสุข มีพระราชาที่ดีปกครองประชาชนอย่างมีคุณธรรม บ้านเมืองอยู่กันอย่างสงบสุข วันหนึ่งพระราชาได้ตัดสินใจออกเยี่ยมประชาชนที่ห่างไกล เพื่อพูดคุยกับประชาชนอย่างใกล้ชิด พระราชาจึงเลือกเดินทางด้วยการเดินเท้า พระราชาได้พบปะพูดคุยกับประชาชนด้วยดี ประชาชนต่างดีใจและสุขใจมากที่ได้พบพระราชาในครั้งนี้ เมื่อพระราชากลับมายังพระราชวัง พระราชารู้สึกอิ่มใจมากกับการพบปะประชาชนในที่ห่างไกลในครั้งนี้ หากแต่ว่ามีสิ่งหนึ่งทีพระราชานั้นรู้สึกเสียใจก็คือเส้นทางที่เขาเดินทางนั้นมีแต่ก้อนหินเต็มไปหมด ทำให้พระราชาเจ็บปวดเท้ามาก
พระราชาองค์นี้ก็คิดว่า ขนาดพระองค์เดินทางไปแค่วันเดียวด้วยเท้ายังเจ็บปวดจากการเดินบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยก้อนหินมากมายขนาดนี้ แล้วถ้าหากประชาชนของพระองค์ต้องเดินทางเส้นนี้ทุกวันคงจะทรมานน่าดู เมื่อพระราชาคิดได้ดังนั้น จึงสั่งให้อำมาตย์นำหนังสัตว์มาปูเส้นทางเดินเส้นนั้นทั้งเส้นทางเพื่อที่ประชาชนจะได้เดินทางบนเส้นทางที่นุ่มขึ้น ว่าแล้วนั้นอำมาตย์ก็คิดในใจว่า ถ้าต้องการหนังสัตว์มาปูบนเส้นทางยาวไกลขนาดนั้น จะต้องฆ่าวัวกี่ร้อยกี่พันตัวล่ะเนี่ย ดังนั้น อำมาตย์จึงได้ไปปรึกษานักปราชญ์ท่านหนึ่งถึงเรื่องดังกล่าว นักปราชญ์จึงแนะนำว่า “แทนที่จะนำหนังวัวจำนวนมากมาปกคลุมถนนเส้นนั้น ทำไมไม่ตัดเอาหนังวัวเพียงเล็กน้อยมาห่อหุ้มให้พอดีกับเท้าของท่านเสี่ยล่ะ?” เมื่อพระราชาทรงทราบความคิดนี้จึงแปลกใจและประทับใจในความคิดนี้เป็นอย่างมาก พระราชาจึงมีรับสั่งให้ทำรองเท้าหนังแล้วแจกจ่ายให้กับประชาชนของเขาสวมใส่
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าก่อนที่เราจะพยายามเปลี่ยนแปลงโลกของเราเราควรหันมาเปลี่ยนแปลงที่ตัวเราก่อนเป็นสิ่งแรกนั่นเอง