นิทานเรื่องดวงแก้ววิเศษ

มีหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งทางทิศใต้ของประเทศสเปน มีผู้คนอาศัยอยู่กันอย่างมีความสุข สนุกสนาน เด็กๆในหมู่บ้านก็ต่างเล่นด้วยกันภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ที่ร่มรื่นในสวนหลังบ้าน ทุกคนถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน มีน้ำใจให้กันมาโดยตลอด มีเด็กชายคนหนึ่งชื่อว่า นาเซีย เขาอาศัยอยู่ใกล้หมู่บ้านแห่งนี้กับพ่อ แม่ และยายของเขา ทุกเช้าเขาจะพาฝูงแกะของเขาไปกินหญ้าที่หุบเขา แล้วจะพากลับมายังหมู่บ้านในช่วงบ่าย เขาทำเช่นนี้ในทุกๆวัน จนกระทั่งวันหนึ่ง นาเซียนั่งเฝ้าฝูงแกะที่กินหญ้า ขณะที่เขาก็จะเป่าฟลุตระหว่างรอ เขามองเห็นแสงบางอย่างโผล่ออกมาจากพุ่มไม้ นาเซียจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ เมื่อเขาเข้าใกล้สิ่งนั้นเขาพบว่ามันคือดวงแก้วสีใสสวยงามดวงหนึ่ง นาเซียจึงหยิบดวงแก้วนั้นขึ้นมา และขณะเดียวกันก็มีเสียงเบาๆจากดวงแก้วพูดว่า “คุณสามารถขอพรได้หนึ่งข้อที่คุณต้องการ แล้วฉันจะให้คุณ” ในตอนแรกนาเซียยังไม่เชื่อว่าเขาได้ยินเสียงนั้นจริง เขาจึงเอาหูไปใกล้ๆ และเขาก็ได้ยินประโยคเดิม นาเซียสับสนและแปลกใจมาก อย่างไรก็ตามนาเซียยังไม่สามารถเลือกเฉพาะเจาะจงได้ว่าจะขอพรอะไร เขาจึงพูดกับตัวเองว่าถ้าเขารอวันพรุ่งนี้ ลองกลับไปคิดดูแล้วค่อยข้อพรก็ยังได้ ดังนั้นเขาจึงนำดวงแก้วใส่ถุงกลับบ้านไปอย่างมีความสุขมากในวันนั้น และนาเซียตัดสินใจที่จะไม่บอกเรื่องดวงแก้วนี้กับใคร วันต่อมานาเซียก็ไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะขอพรอะไร เพราะความจริงแล้วเขามีทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว หลายๆวันต่อมาเขาก็ยังคงไม่ได้ขอพร แต่เขาดูอารมณ์ดี ร่าเริงผิดปกติ จนคนรอบข้างแปลกใจ

วันหนึ่งนาเซียก็พาฝูงแกะไปกินหญ้าที่หลังหุบเขาเหมือนเช่นทุกวัน แต่วันนี้มีเด็กชายคนหนึ่งแอบตามเขาไปด้วย โดยที่นาเซียไม่รู้ตัว เมื่อนาเซียมาถึงจุดที่เขาจะปล่อยแกะไปกินหญ้า นาเซียก็นั่งลงแล้วนำดวงแก้ววิเศษออกมาดูเป็นปกติทุกวัน แล้วนาเซียก็เผลอหลับไป เด็กชายที่แอบตามมาด้วยเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด จึงแอบไปขโมยดวงแก้วแล้ววิ่งไปที่หมู่บ้าน จากนั้นก็เรียกคนในหมู่บ้านมาดูดวงแก้ว ชาวบ้านเห็นดวงแก้วดังกล่าวจึงผลัดกันจับดวงแก้วไว้ในมือ ทันใดนั้นก็มีเสียงแผ่วเบาจากดวงแก้วพูดว่า “คุณสามารถขอพรได้หนึ่งข้อที่คุณต้องการ แล้วฉันจะให้คุณ” ชาวบ้านแต่ละคนต่างดีใจมาก ทุกคนที่จับดวงแก้วพากันขอพรที่ตัวเองต้องการ คนหนึ่งพูดว่า “ฉันต้องการถุงที่เต็มไปด้วยทองคำ” อีกคนขอว่า “ฉันขอสร้อยคอเพชร จิวเวลรี่มากมาย” บางคนก็ขอว่า “ฉันขอบ้านให้เป็นพระราชวัง” ทุกคนในหมู่บ้านต่างพากันขอพรที่อยากได้ แต่ไม่มีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่เลย พวกเขาอิจฉาซึ่งกันและกัน บางคนที่มีทองคำแต่ไม่มีพระราชวัง ในขณะที่อีกคนมีพระราชวังแต่ไม่มีทองคำ ทำให้พวกเขาโกรธกันและไม่พูดคุยกันในที่สุด เด็กๆที่เคยเล่นด้วยกันที่หลังบ้านในสวนก็ไม่มีอีกแล้ว เพราะทุกที่เต็มไปด้วยทองคำ พระราชวัง เด็กๆกลายเป็นเด็กที่ไม่มีความสุข ทุกคนรู้สึกแย่ไปหมด ยกเว้นแค่ นาเซียและครอบครัว ที่ยังเต็มไปด้วยความสุข ทุกๆเช้าและบ่ายเขาก็ยังคงเป่าฟลุตแบบเดิม

วันหนึ่งมีเด็กในหมู่บ้านนำดวงแก้ววิเศษมาให้นาเซีย และพูดว่าตอนที่เราเป็นหมู่บ้านเล็กๆ พวกเราต่างมีความสุข ร่าเริง สนุกสนาน พ่อแม่พวกเขาพูดคุยกัน ในทางตรงกันข้าม ตอนนี้พวกเราไม่มีความสุขกันเลยทั้งที่มีที่อยู่อาศัยหรูหรา มีเพชรจิวเวลรี่มากมาย กลับนำพาความเจ็บปวดมาให้พวกเรา เมื่อนาเซียเห็นผู้คนในหมู่บ้านเสียใจ ไม่มีความสุข เขาจึงถามคนในหมู่บ้านว่า “สิ่งที่ดวงแก้วบอกให้เขาขอพร เขายังไม่ได้ขอเลย ถ้าทุกคนต้องการให้ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิม ฉันจะขอพรนั้นให้” ทุกคนในหมู่บ้านต่างยินดีตกลงร่วมกัน ว่าแล้วนาเซียจึงหยิบดวงแก้วไว้ในมือแล้วขอพรให้ทุกอย่างในหมู่บ้านกลับไปเป็นเหมือนเดิมดั่งที่เคยเป็นมา ทันไดนั้น พระราชวังในหมู่บ้านก็หายไป สวนสีเขียวกลับมาเหมือนเดิม ทุกอย่างในหมู่บ้านกลับไปเป็นเหมือนเช่นเคย และอีกครั้งที่คนในหมู่บ้านกลับมามีชีวิตที่มีแต่ความสุข เด็กๆเล่นกันใต้ร่มไม้ในสวนหลังบ้าน หมู่บ้านมีชีวิตชีวาอีกครั้ง นาเซียก็ยังคงดำเนินชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุขอย่างต่อเนื่องในทุกๆวัน เป่าฟลุตในและมองแสงพระอาทิตย์ในยามเย็น หมู่บ้านก็กลับมาสวยงามสีเขียว และทุกคนก็กลับมาอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขตลอดไป

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าคนเราทุกคนควรพึงพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ เพราะถ้าเราพอใจกับสิ่งที่เรามีอยู่แล้วเราก็จะไม่รู่สึกทุกข์ หากแต่เราจะมีแต่ความสุขความสบายใจในสิ่งที่เรามี ในขณะเดียวกันก็ไม่ควรโลภด้วย เพราะความโลภจะนำมาซึ่งหายนะในทุกรูปแบบ ดังนั้นถ้าคุณอยากมีความสุขแล้วล่ะก็จงพอใจในสิ่งที่เรามีและอย่าโลภอยากได้ของผู้อื่นมาเป็นของตน เพียงเท่านี้คุณก็จะมีชีวิตที่สงบสุขได้นั้นเอง